ล่าสุด ‘มิชลิน’ ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยียางล้อระดับโลก ได้วางตลาด ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ (MICHELIN Primacy 5) ยางสำหรับรถยนต์นั่งและรถครอสโอเวอร์ทุกประเภทเครื่องยนต์ ภายใต้แนวคิด “ปลอดภัย มั่นใจในสมรรถนะที่ดีเยี่ยมรอบด้าน แม้เวลาเปลี่ยน” (Confidence Made To Last) ยางรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาให้มีคุณสมบัติเหนือกว่ายางรุ่นก่อนหน้าอย่าง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 4’ โดยมาพร้อมนวัตกรรมล้ำหน้าที่ช่วยให้ยางมีสมรรถนะเพิ่มขึ้น แต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง
นายสรพงษ์ จันทร์นฤกุล, ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2C, บริษัท สยามมิชลิน จำกัด เปิดเผยว่า “ยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับศักยภาพที่เปลี่ยนแปลงไปของยานยนต์รุ่นใหม่และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รถยนต์รุ่นใหม่...โดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า...มีน้ำหนักมากขึ้นและแรงม้าสูงขึ้น จึงต้องใช้ยางล้อที่มีสมรรถนะสูงขึ้นตามไปด้วย โครงสร้างยางล้อจึงต้องมีประสิทธิภาพที่จะรองรับความต้องการเหล่านี้ได้ ความทนทานต่อการสึกหรอและแรงต้านทานการหมุนของยางล้อที่ดีขึ้นไม่เพียงส่งผลให้ลูกค้ามีต้นทุนในการใช้งานต่ำลง แต่ยังช่วยให้ยางมีสมรรถนะในการยึดเกาะถนนเปียกที่ดียาวนาน จึงให้ความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวนานเหนือกว่า สำหรับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย จุดเด่นเหล่านี้ไม่เพียงยกระดับประสบการณ์การขับขี่ แต่ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ทำให้ ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ เป็นยางที่เลือกใช้งานเพื่อการขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ”
จุดเด่นสำคัญของยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ ได้แก่ ประสบการณ์ขับขี่ที่นุ่มสบายเหนือระดับ ด้วยดีไซน์ดอกยางแบบใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Michelin Silent Rib Gen-3 ซึ่งช่วยลดการสั่นสะเทือน จึงช่วยลดเสียงรบกวนลงและให้การขับขี่ที่นุ่มเงียบสบาย(2) สัมผัสได้ถึงความรู้สึกผ่อนคลายตลอดการเดินทาง อายุใช้งานที่ดีเยี่ยมยาวนาน โดยมีอายุใช้งานเฉลี่ยยาวนานกว่ายางระดับพรีเมียมแบรนด์อื่นๆ ถึง 24%(3) ด้วยลายดอกยางสำหรับถนนเปียกที่ให้อายุใช้งานยาวนาน, ร่องรีดน้ำบริเวณไหล่ยาง (Lateral Groove Edges) ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเทคโนโลยี MaxTouch ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสระหว่างยางล้อกับผิวถนน และกระจายแรงกดอย่างสม่ำเสมอตลอดหน้ายางขณะเร่งความเร็ว เบรก และเข้าโค้ง ส่งผลให้หน้ายางมีอายุใช้งานนานขึ้นโดยยังคงให้ความปลอดภัยขณะขับขี่ดังเดิม ผู้ขับขี่จึงเพลิดเพลินกับการเดินทางและกิจกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้ยาวนานยิ่งขึ้น...ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างแท้จริง
ให้ความปลอดภัยบนถนนเปียกยาวนานกว่า โดยมีระยะเบรกสั้นกว่ายางระดับพรีเมียมแบรนด์อื่นๆ ถึง 8% (ยางใหม่) และ 13% (ยางใกล้หมดดอก)(4) ด้วยเนื้อยางสูตรพิเศษ Functional Elastomers 3.0 ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยี MICHELIN EverGrip และ MICHELIN EverTread ที่ช่วยให้การรีดน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงให้สมรรถนะการเบรกบนถนนเปียกที่เป็นเยี่ยม เพิ่มความอุ่นใจและปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารในทุกการเดินทาง และ § รองรับการใช้งานร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยสูตรเนื้อยางสมรรถนะสูงบริเวณหน้ายางที่ช่วยลดแรงต้านทานการหมุนของยางล้อลงถึง 13%(5) จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและยืดระยะใช้งานต่อรอบการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
นอกจากยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ จะให้สมรรถนะ ความปลอดภัย และความนุ่มเงียบสบายที่เหนือกว่าแล้ว ยังเคารพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “ความยั่งยืนทุกด้าน” (All Sustainable) ของกลุ่มมิชลิน โดยแรงต้านทานการหมุนของยางล้อ(6) มีประสิทธิภาพดีขึ้น 5% ขณะที่อายุการใช้งาน(7) ยาวนานขึ้น 18% อีกทั้งการออกแบบโดยรวมยังช่วยให้ยางรุ่นนี้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลดลงถึง 6%(1)
ปัจจุบัน ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ มีวางจำหน่ายแล้ว ณ ร้านตัวแทนจำหน่ายยางอย่างเป็นทางการของมิชลินทั่วประเทศ โดยมีให้เลือกรวมทั้งสิ้น 46 ขนาด ตั้งแต่ขอบ 16 ถึง 20 นิ้ว โดยยางขนาด 18 นิ้วขึ้นไป (21 รายการ) มาพร้อมแก้มยางกำมะหยี่ดีไซน์แบบเต็มวง คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th
(1) ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม & อนุภาคจากการสึกของยางล้อและถนน เมื่อเทียบกับยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 4+’ แหล่งที่มา: การทดสอบภายในองค์กร
(2) ความนุ่มเงียบและความสบาย: การทดสอบจัดทำโดย TUV Rheinland Thailand ตามคำขอของมิชลิน ณ ศูนย์ทดสอบยานยนต์และ
ยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center: ATTRIC) จังหวัดฉะเชิงเทรา ประเทศไทย เมื่อเดือน
พฤศจิกายน 2567 โดยติดตั้งยางขนาด 225/50R17 กับรถยนต์ Honda Accord e:HEV Y2022 เพื่อเปรียบเทียบยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ (ยางใหม่)
กับยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 4’ และยางระดับพรีเมียมแบรนด์อื่น ๆ (ประสิทธิภาพเรื่องความนุ่มเงียบและความสบายเป็นผลจากเทคโนโลยี
ลดเสียงรบกวน Michelin Silent Rib Gen-3)
(3) อายุใช้งานยาวนาน: การทดสอบจัดทำโดย DEKRA TEST CENTER ตามคำขอของมิชลิน ณ ศูนย์ทดสอบ DEKRA Test Center ประเทศฝรั่งเศส
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 โดยติดตั้งยางขนาด 205/55R16 กับรถ Golf VIII 5 ประตู ผลการทดสอบพบว่ายาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ มีอายุใช้งานเฉลี่ย
ยาวนานกว่ายางระดับพรีเมียมแบรนด์อื่น ๆ ถึง 24%
(4) สมรรถนะการเบรกบนถนนเปียกของยางใหม่และยางใกล้หมดดอก: การทดสอบจัดทำโดย TUV Rheinland Thailand ตามคำขอของมิชลิน
ณ ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center: ATTRIC) จังหวัดฉะเชิงเทรา
ประเทศไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยติดตั้งยางขนาด 225/50R17 กับรถยนต์ Honda Accord e:HEV Y2022 ที่ขับขี่ด้วยความเร็ว 0-80
กิโลเมตร/ชั่วโมง ผลการทดสอบพบว่ายาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ มีระยะเบรกสั้นกว่ายางระดับพรีเมียมแบรนด์อื่น ๆ ถึง 8% (ยางใหม่) และ 13%
(ยางใกล้หมดดอก) “ยางใกล้หมดดอก” ในที่นี้หมายถึงยางที่มีความลึกร่องดอกยางเหลือ 2.0 มิลลิเมตร ซึ่งความลึกนี้เกิดจากการทำให้สึกด้วย
เครื่องจักร
(5) ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง: การทดสอบแรงต้านทานการหมุนของยางล้อจัดทำด้วยเครื่องจักรโดยสถาบันยานยนต์ ตามคำขอของมิชลิน
ณ ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center: ATTRIC) จังหวัดฉะเชิงเทรา
ประเทศไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยใช้ยางขนาด 255/50R17 ผลทดสอบพบว่า ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ มีแรงต้านทานการหมุนของยางล้อ
ดีกว่ายางระดับพรีเมียมแบรนด์อื่น ๆ ถึง 13%
(6) ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง: การทดสอบแรงต้านทานการหมุนของยางล้อจัดทำด้วยเครื่องจักร โดย TÜV SÜD Product Service ตามคำขอของ
มิชลิน เมื่อเดือนมิถุนายน 2567 โดยใช้ยางขนาด 205/55 R16 91V เปรียบเทียบระหว่างยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ (100%) กับยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 4+’
(94.7%)
(7) อายุใช้งานยาวนาน: การทดสอบจัดทำโดย DEKRA TEST CENTER ตามคำขอของมิชลิน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 โดยติดตั้งยางขนาด 235/45
R18 98W&Y กับรถ Tesla Model 3 เปรียบเทียบระหว่างยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 5’ (100%) กับยาง ‘มิชลิน ไพรมาซี่ 4+’ (82%)
‘MICHELIN Primacy 5’ เปิดตัวพร้อมแนวคิด “CONFIDENCE MADE TO LAST” ชูจุดเด่นให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยมยาวนาน พร้อมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
Discussion in 'New Product' started by News, Mar 6, 2025.
Comments
Discussion in 'New Product' started by News, Mar 6, 2025.
-
Tags: